สาวท้องแก่ ก่อเหตุลักทรัพย์ ตำรวจฟังเหตุผล สงสารแค่ไหนก็ต้องจับ
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแม่ริม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุแม่ริมว่า เกิดเหตุลักลักทรัพย์ในเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 7 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักอาศัยและด้านหน้าบ้านได้เปิดเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างและในบริเวณดังกล่าวนั้น ผู้เสียหาย ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.กมลชนก เลากิตติศักดิ์ ได้นำเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญมาติดตั้งไว้ให้บริการแก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 3 เครื่อง และตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือแบบออนไลน์ จำนวน 1 เครื่อง ผู้เสียหายได้มาเปิดร้าน จึงพบว่าที่เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญถูกคนร้ายไม่ทราบเป็นใครงัดแงะเอาเงินในเครื่องซักผ้าไป ประมาณ 2000 กว่าบาท
จากนั้นผู้เสียหายได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแม่ริมว่าจากการดูกล้องวงจรปิดที่ติดภายในร้านจึงพบว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.50 – 05.30 น.ของวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครจำนวน 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป หลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดทางตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานแวดล้อมยังพบว่ามีอีกแห่งที่คนร้ายได้ไปก่อเหตุคือ คลินิกริมเวียง บนถนนโชตนา อำเภอแม่ริม กล้องวงจรปิดของทางคลินิกบันทึกภาพได้เมื่อวันที่23 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 04.40 น. ถอดรองเท้าแตะและมุดรั้วบ้านเข้าไปขโมยเงินในเคาน์เตอร์ของทางคลินิกก่อนที่ในเวลา06.07 น. ทางเจ้าของคลินิกจะเปิดประตูบ้านออกมาเพื่อออกกำลังกาย ทำให้ผู้ต้องหาตกใจวิ่งสวนออกไปจนลืมรองเท้าที่ถอดไว้และขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ตำรวจจึงได้นำวงจรปิดมาตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวกันจึง ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าจับกุม ผู้ต้องหาคือ น.ส.พีระกานต์ ใจบุญธรรม อายุ 38 ปี จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเป็นคนที่อยู่ในวงจรปิดและลงมือก่อเหตุจริง โดยทำไปเพราะตกงานก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรม แต่หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ตนเองต้องตกงาน ตนมีลูกติดกับสามีเก่า 3 คน และมีลูกกับสามีใหม่ 2 คนและกำลังตั้งท้องอีก 2 เดือนไม่มีงานทำและไม่มีเงินจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ โดยเพิ่งทำมาประมาณ 4 ครั้ง ได้เงินครั้งละ 2,000 – 3,000 บาท จะนำไปใช้หนี้และและนำไปจ่ายค่างวดรถจักรยานยนต์ และอีกส่วนนำไปเตรียมไว้เป็นเงินค่าทำคลอด ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ และควบคุมตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยการทำอันตรายต่อสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและทำให้เสียทรัพย์”.