ฟิลิปปินส์ สังเวยพายุไต้ฝุ่น โคนี 22 ราย ย้ำเตรียมรับมือพายุลูกใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของฟิลิปปินส์ออกรายงานเมื่อวันอังคาร ว่าอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี พายุซึ่งมีความเร็วลมรุนแรงที่สุดในโลกประจำปีนี้ คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 20 คน นับตั้งแต่ขึ้นฝั่งที่จังหวัดคาตันตัวเนส ทางตะวันออกของเกาะลูซอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แบ่งเป็น 14 คนที่จังหวัดอัลไบ และอีก 6 คนที่จังหวัดคาตันตัวเนส
ขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 345,000 คนในหลายจังหวัดตลอดแนวชายฝั่งตะวันออกลงมาจนถึงภาคใต้ของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ต้องอพยพชั่วคราว เนื่องจากบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 70,000 แห่งยังคงจมอยู่ภายใต้ระดับน้ำท่วมสูง และส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากพายุ จากจำนวนดังกล่าวเป็นบ้านเรือนมากกว่า 13,000 หลัง ในจังหวัดคาตันตัวเนส
ในเวลาเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของฟิลปปินส์จับตาความเคลื่อนไหวของไต้ฝุ่น อัสนี ที่แม้ตอนนี้มีความเร็วลมกระโชกสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะสะสมพลังงานเพิ่มขึ้นอีก ระหว่างก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก และมีการคาดการรืว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ฟิลิปปินส์เป็นที่แรกในช่วงปลายสัปดาห์นี้
นอกจากนั้น สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของฟิลิปปินส์ยังพยากรณ์ว่า ประชาชนในประเทศอาจต้องรับมือกับไต้ฝุ่น อีกอย่างน้อย 2-3 ลูก" เฉพาะในเดือนพ.ย. และ "อีกอย่างน้อย 1-2 ลูก ในเดือนธ.ค. นี้ ซึ่งถือว่ามากกว่าปกติ ที่ฟิลิปปินส์ซึ่งประกอบด้วยเกาะประมาณ 7,600 แห่ง ต้องเผชิญกับอิทธิพลของพายุปีละประมาณ 20 ลูก โดยอัสนีจะเป็นพายุลำดับที่ 20
ด้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต นั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจความเสียหายของพื้นที่ซึ่งประสบภัยจากไต้ฝุ่นโคนี พร้อมทั้งกำชับหน่วยงานทุกแห่งเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน แต่ทุกฝ่ายยอมรับว่าการส่งมอบความช่วยเหลือยังเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากถนนสายหลักอย่างน้อย 11 เส้นทางยังไม่สามารถผ่านได้ เพราะกระแสน้ำเชี่ยวกรากกัดเซาะจนเสียหาย
อนึ่ง ก่อนหน้านั้นเพียงสัปดาห์เดียว ฟิลิปปินส์เผชิญกับอิทธิพลของไต้ฝุ่น โมลาเบ ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย
ทั้งนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ และขอให้เตรียมตัวรับมือกับพายุลูกใหม่ที่กำลังจะมาด้วย
ขอบคุณ AP, REUTERS
เรียบเรียง siamtoday