ตำรวจ เผย ยังไม่แจ้งข้อหา คนขับรถไฟ
จากกรณีเหตุการณ์ ขบวนรถไฟบรรทุกตู้เทนเนอร์พุ่งชนกับรถบัสของคณะทำบุญทอดกฐินจาก จังหวัดสมุทรปราการ ที่สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 18 คน บาดเจ็บ 35 คน และปลอดภัย 12 คน โดยทางญาติเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ จุดธูป จุดเทียน แล้วได้เรียกชื่อผู้ตาย เป็นภาษาอีสาน ใจความว่า ขอให้ดวงวิญญาณได้กลับไปสู่ภูมิลำเนา พร้อมกับญาติๆในวันนี้ ทุกคนร้องไห้ระงม บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ด้านนายภานุเดช พาไธสง อาของนางสาวรำไพ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองมีความผูกพันกับหลานสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเลี้ยงมาตั้งเล็กๆ หลานสาวเป็นคนชอบทำบุญมาโดยตลอด และเพิ่งจะเดินทางมาที่วัดบางปลานักถือเป็นครั้งแรก แล้วสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุจนต้องเสียชีวิต ตอนนี้ญาติทุกคนยังทำใจไม่ได้ เพราะนางสาวรำไพมีลูกชายที่อายุยังน้อย ที่ต้องกำพร้าแม่ หลังจากนี้จะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ด้านพลตำรวจตรีชาคริต สวัสดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวน 20 คนเพื่อช่วยกันทำคดี โดยสอบปากคำพยานไปแล้ว 30 ปาก และวันพุธที่จะถึงนี้จะส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำผู้รอดชีวิตเพิ่มเติมที่โรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ และวันนี้ได้ร่วมมือกันกับกรมขนส่ง ตรวจสอบรถบัสโดยละเอียดอีกครั้งว่ามีมาตรฐานหรือไม่
ส่วนสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ มีอยู่ 6 ข้อ
1. ผู้ขับขี่รถบัสไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง
2. ในรถบัสคันนี้มีการเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดเตือนรถไฟ
3. จุดเกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นทางรถไฟ
4. จุดเกิดเหตุเป็นทางลาดชัน ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเร่งความเร็วเพื่อให้พ้นจุดดังกล่าว และไม่สามารถเบรกรถได้ทัน
5. ภายในรถบัสบรรทุกผู้โดยสารมากเกินกำหนด คนขับจึงเร่งเครื่องขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ ทำให้ไม่สามารถขับพ้นทางรถไฟได้ทันเวลา
6. รถไฟวิ่งมาด้วยความเร็ว ส่งผลให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทันในระยะกระชั้นชิด
ส่วนการแจ้งข้อหากับนายวีรวัฒน์ วรวงษ์ ซึ่งเป็นคนขับรถไฟ เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ เนื่องจากวันที่เกิดเหตุขบวนรถไฟมีน้ำหนักมากถึง 2 พันตัน ซึ่งนายวีรวัฒน์ ได้ทำทุกวิถีทางแล้ว ที่จะเบรกรถ และพยายามที่จะส่งสัญญาณเตือนคนขับรถบัส แต่ด้วยระยะที่กระชั้นชิดเกินไป ทำให้ไม่สามารถเบรกรถได้ทัน สิ่งที่นายวีรวัฒน์ทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง และถือว่าไม่ได้ประมาท หากตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ก็เท่ากับไม่ได้ให้ความเป็นธรรม
ด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า รถบัสคันนี้มีประกัน 2 กรมธรรม์ ส่วนที่ 1 คือ พรบ.ในภาคบังคับ ผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรายละ 5 แสนบาท ส่วนผู้ที่บาดเจ็บ จะได้รับเงินชดเชยรายละไม่เกิน 8 หมื่นบาท แต่จ่ายไม่เกิน 10 ล้านบาทต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้ง ซึ่งไม่ต้องรอสรุปของคคี ทางหน่วยงานสามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งตอนนี้ได้นำเงินไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บรายละ 3 หมื่น 5 พันบาทแล้ว
ส่วนที่ 2 คือ ประกันภาคสมัครใจ ประเภทที่ 3 ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยคนละ 5 แสนบาทเช่นกัน แต่จ่ายไม่เกิน 10 ล้านบาทต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้ง ซึ่งกรมธรรม์อันนี้จะต้องรอผลสรุปของคดี แต่ทางตำรวจมีบทสรุปในเบื้องต้นแล้วว่าคนขับรถบัสมีความประมาท ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บน่าจะได้รับเงินชดเชยทุกคน
ที่มา one31