ภาพล่าสุด มนฤดี ยมาภัย อดีตนางเอก
เรียกว่าโด่งดังเป็นซุปตาร์เบอร์ 1 ไม่แพ้ “อั้ม พัชราภา” ในยุคนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ มนฤดี ยมาภัย และเคยได้รับรางวัลเมขลา ดารานำฝ่ายหญิง จากเรื่อง นางทาส เมื่อปี 2536 และในเวลาต่อมา เธอก็ได้ผันตัวไปเป็นผู้จัดละคร ภายหลังก็หันหน้ามุ่งสู่ทางธรรมะ โดยการไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หันหลังจากวงการมายาในที่สุด
ตุ๋ย มนฤดี ยมาภัย นางเอกเบอร์ 1 ของช่อง 7 ได้รับความนิยมมากจากภาพยนตร์โทรทัศน์ของดาราฟิลม์ สมัยนั้นยังถ่ายทำในระบบภาพยนตร์โทรทัศน์ คือถ่ายด้วยฟิล์มและใช้เสียงพากย์ เช่นเรื่อง ทะโมนไพร ดาวพระศุกร์ ดอกโศก และต่อมาดาราฟิลม์เปลี่ยนเป็นดาราวีดีโอได้ถ่ายทำใน ระบบละครโทรทัศน์คือใช้ระบบโอบีนำวีดีโอมาบันทึกภาพแทนฟิล์ม และใช้เสียงจริงแทน มนฤดีก็ยังโด่งดังคับฟ้าจากเรื่อง นางแมวป่า พลับพลึงสีชมพู มัสยา นํ้าผึ้งขม บ้านทรายทอง สกาวเดือน สวรรค์เบี่ยง เมื่อปี2531 ช่อง3ได้ขยายเครื่อข่ายทั่วประเทศ จึงเกิดศึกแย่งตัว มนฤดี ยมาภัย นางเอกยอดนิยมมาจากช่อง7 มนฤดีออกจากช่อง 7 ไปอยู่ช่อง 3
มนฤดีเธอให้สัมภาษณ์ว่า “ที่ตุ๋ยมาอยู่ช่อง3โดยเซ็นสัญญาสองปี ก็เพราะมีละครให้สามเรื่องคือมนต์รักอสูร ใครกำหนด และละครตลกอีกเรื่องหนึ่ง ชอบบทประพันธ์เรื่องใครกำหนดมาก จึงยอมทำสัญญา” ซึ่งพิศาลก็ให้สัมภาษณ์ว่าจะนำละคร”มนต์รักอสูร”มาทำอีกครั้ง และเห็นว่าไม่มีใครเหมาะกับบทของนางเอกเท่า มนฤดี ยมาภัย มนฤดีทำสัญญากับช่อง 3 มา 4 ปี ได้รับเงินเดือนๆล่ะ 5 หมื่น และค่าตัวละครต่อตอนต่างหาก มีละครให้เล่น 5 เรื่อง คือ 1.มนต์รักอสูร 2.มัจจุราชฮอลิเดย์ 3.ใครกำหนด 4.แม่หมดแจ๋วแหวว 5.หนี้รัก
ต่อมามนฤดีขอกลับมาอยู่กับช่อง7ทั้งที่ยังไม่หมดสัญญากับช่อง3 “ตุ๋ยอยากกลับมาอยู่ช่อง7ค่ะ จะให้เล่นบทอะไรก็ยอม ตัวรองก็ได้ ยินดีนับ1ใหม่ค่ะ จะให้ไปเล่นจักรๆวงศ์ๆก็ได้เพราะตัวเองก็เกิดมาจากตรงนั้น คุณแดงคงเห็นว่าเธอจงรักภักดีกับช่อง 7 ถึงได้ให้กลับมาเป็นนางเอกละครฟอร์มใหญ่อีกคือเรื่อง “นางทาส” และนางทาสก็ประสบความสำเร็จสุดๆ มนฤดีกู้ชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง ทำให้เธอได้รางวัลเมขลาดารานำฝ่ายหญิงมาครอง ต่อมาเธอก็ได้เล่นเป็นนางเอกละครหลังข่าวอีกเรื่องคือ “สารวัตรใหญ่”