ชื่อว่าหลายๆคนคุ้นหน้ากันดี สำหรับอดีตพิธีกรคนสวย เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร หรือ เข็ม ตีสิบ พิธีกรหญิงเคียงข้างกับ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ และก่อนที่เธอจะหายหน้าหายตาจากจอทีวีไปนาน ซึ่งขอบอกเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีเธอนั้นก็ยังคงสวย หน้าเด็กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ล่าสุดได้รวบรวมภาพปัจจุบันของสาว เข็ม มาให้แฟนคลับได้ระลึกถึงความหลังเรียกว่าเธอนั้นยังคงดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี แทบไม่ต่างไปจากสมัย 10 ปีก่อนเลยทีเดียว เริ่มต้น เข็ม ตีสิบ ได้อัพเดตชีวิตว่าช่วงนี้กำลังทำหลายสิ่งหลายอย่างมาก เป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุข อันที่จริงก็ไม่ได้ห่างหายจากหน้าจอเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าทำรายการเองเล็กๆ ไปเที่ยวต่างประเทศ ก็เลยว่างๆ ลงเรียนเยอะ แล้วมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับให้ตัวเองดูเด็กตลอดเวลา เอาจริงๆคนเข้ามาจีบบ้างแต่ไม่เยอะ เราก็คิดเป็นเพื่อนหมดเลย แล้วเข็มไม่ได้รู้สึกเหงาเลยเพราะที่บ้าน เข็มมีแมว-หมาก็เยอะ แมว 16 ตัว หมา 6 ตัว แมวก็เป็นแมวจรหมด เงินหาได้ทำบ้านแมว 70% และค่าอาหารอีก ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จนแม่ถามว่าพอมั้ย เพราะเราเองไม่ได้หาเงินได้เยอะเท่าสมัยก่อน เปลี่ยนมายด์เซตตัวเองใหม่ได้เลยรู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เราแฮปปี้ขึ้น เรียนจิตวิทยามาส่วนหนึ่งเพื่อความรู้สึกตัวเอง

จากเรื่องความรักหรือไม่คำถามนี้ เข็ม ตีสิบ บอกว่า มันนานแล้วนะ แต่เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองจริงๆ สุดท้ายคือเลือกคนผิดที่สุด และดูเหมือนข่าวเดิมๆ โดยเฉพาะข่าวกับ หนุ่ม ยังวนเวียนอยู่กับเข็มตลอด ถามว่าหนักใจไหม ก็เบื่อ มันเป็นความรู้สึกแบบว่า เมื่อไหร่จะจบสักที แต่คนส่วนใหญ่ จะบอกว่ามันจบได้ที่ตัวเรา ถูกมองว่าเป็นสาวแ รง แต่เข็มเป็นคนตรงมากกว่า แล้วความตรงมันก็ตรงมานานแล้ว มันเกินที่มันจะเปลี่ยนได้ โอเคถ้าเฟคหรือแสดงละครต่อหน้ากล้อง ก็อาจจะได้ในระดับหนึ่ง

วันหนึ่งคนเราจะต้องเผยความเป็นตัวเองออกมา เราเป็นของเราแบบเนี่ย แล้วเรารู้เราทำอะไรอยู่ คิดดีหรือไม่ดียังไง เราพูดจริงไว้ก่อน แล้วเมื่อไหร่ที่ผ่านไป 10 ปี มาถามเรื่องเดิม เพราะมันคือเรื่องจริง เข็มไม่ได้ส่งแมสเสจหาพี่หนุ่มมานานมากแล้ว ไม่มีการพูดคุย แล้วจะไม่พูดคุย ขอพูดตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นอะไรกับคนคนนี้ จะรับรู้ให้น้อยที่สุด แต่ถ้าเรื่องน่ายินดี ก็ยินดีด้วยทุกเรื่อง มันเหมือนเราหมด จบกันชาตินี้ดีกว่า ถึงเขาจะเป็นเพื่อนเราจริงๆ ได้ แต่มันก็เหมือนเราไปร่วมช่วยให้เขาทำไม่ดี โดยการมานั่งโก หกตลอดไป มันก็ไม่ไหว เราหยุดเองด้วยตัวเราเองดีกว่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ siamtoday.com