บี้ สุกฤษฎิ์ นักแสดงและนักร้องชื่อดัง มีชื่อเสียงมาจากการเวทีการประกวดร้องเพลงชื่อดัง หลังห่างหายไปนาน ซึ่งบี้ก็ไม่ได้หายวับ ไปแต่อย่างใด เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวใช้ชีวิตอยู่กับวัดกับวา ปฏิบัติธรรมทำตัวสบายๆ ถอดหัวโขนออกจนหมดสิ้น

ซึ่งล่าสุดเขาก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง หลังมีรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นช่อง ONE ลำดับที่ 5 รวม 2,500,000 หุ้น นอกเหนือจากกลุ่มปราสาททองโอสถ-แกรมมี่ และครอบครัวถกลเกียรติ วีรวรรณ เรียกได้ว่าระดับผู้บริหารเลยทีเดียว ตั้งใจรับงานน้อยลง อยากมีเวลาให้คนรอบๆ ตัวมากขึ้น “มันเป็นความตั้งใจของเราที่จะรับงานน้อย เพราะว่าเรารับงานเยอะมาเป็น 10 ปี พอเรากลับมามองหน้าพ่อ มองหน้าแม่ มองหน้าคนที่อยู่ข้างๆ เราหลายๆ คนเขาต้องการเวลาจากเรามันไม่ใช่ว่าเราจะหาเงินอย่างเดียว มันทำให้เรารู้สึกว่าเวลาที่จะให้กับคนที่เรารักมันสำคัญกว่าทำให้เราเลือกตรงนั้นดีกว่า จะเรียกว่าทวงเวลาคืนก็ได้ เพราะว่า 10 ปีที่ผ่านมา งานมาเป็นอันดับหนึ่งเวลาให้กับคนที่เรารักมาเป็นอันดับ 2 แต่ตอนนี้ขอสลับกันเราอยากให้เวลาและความสำคัญกับคนที่เรารัก มาเป็นอันดับ 1 งานมาเป็นอันดับ 2 สลับกัน”

หาเงินได้เยอะแต่ใช้เงินน้อย พ่อแม่ก็ใช้ชีวิตบ้านๆ เหมือนเดิม “พ่อแม่เราไม่ได้พูดแต่เรามามองดูไลฟ์สไตล์ของพ่อแม่เรา พ่อแม่เรายังไปเดินตลาดยังกินข้าวเหนียวกินอะไรบ้านๆ เหมือนเดิม แล้วก็ไม่ได้เอาเงินไปทำอะไร เพราะคุณพ่อคุณแม่เราก็เกษียณแล้ว คือเราหาเงินเยอะแต่ใช้น้อย เงินที่ได้มา เราเอาไปทำอะไร เราก็เอาไปบริจาค มิฉะนั้นเราให้เวลากับพ่อแม่ดีกว่า” ถูกคนมองว่ารวยพอจนอยู่วัดได้ “ส่วนคนที่บอกว่ารวยแล้วอยู่วัดได้ ยอมรับเป็นเรื่องจริง และไม่รู้จะเถียงยังไง ซึ่งสัจธรรมของความเป็นซุปตาร์ ล้วนมาจากความไม่แน่นอน อีกทั้งทุกอย่างเกิดขึ้นในโลกนี้ คือความไม่แน่นอน” ไม่คิดมีครอบครัว “ไม่อยากเห็นแก่ตัว เพราะการมีครอบครัวบางครั้งมันไม่ใช่ความสุขของเราแต่แรก ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูก อยู่คนเดียวได้ไม่เหงา เป็นอิสระดี ถ้าแก่แล้วผมก็ไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่ที่เคยบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ siamtoday.com