ล้มแล้วสู้ใหม่ ทศพล หิมพานต์ เล่าถึงวันสูญเสียเงินเกือบหมดตัว กว่า 10 ล้าน
สุดยอดเจ้าพ่อเพลงแหล่และทำขวัญนาคที่ต้องจองคิวยาวข้ามปี ต้องยกให้ ทศพล หิมพานต์ แต่ถึงงานจะเยอะแต่ภาระก็แยะ ด้วยความที่ต้องดูแลภรรยา 5 คนและลูกอีกถึง 8 คนที่ถึงแม้จะเลิกรากันแล้วแต่ก็ยังเลี้ยงดูส่งเสียสม่ำเสมอ พูดถึงธุรกิจตัวใหม่ที่กำลังไปได้ดี นั่นคือลูกชิ้นแบรนด์ ทศพล หิมพานต์ เจ้าพ่อเพลงแหล่ คุยให้ฟังว่า เปิดโรงงานทำลูกชิ้นหมูและเนื้อมาได้ หลายเดือนแล้ว ยอดขายหลัก 1,000 กิโลกรัมต่อวัน โดยโรงงานตั้งอยู่บนเนื้อที่ 200 ตารางวา ย่านรังสิต
เน้นผลิตตามออเดอร์ เน้นความสะอาด และสดใหม่ เพื่อนผมมีโรงงานลูกชิ้นอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ พอดีลูกชายเรียนจบ ผมเลยให้ไปเรียนรู้การทำลูกชิ้นกับเพื่อน แล้วจึงมาเปิดโรงงานให้ดูแล ลูกชิ้นที่โรงงานของเราจะมีทั้งลูกชิ้นหมู เนื้อ เอ็นหมู เอ็นเนื้อ จะมีให้เลือกลูกเล็ก ลูกกลาง และลูกใหญ่ จัมโบ้ ซึ่งจะขายราคาเดียวกัน นักแหล่ที่หันมาทำอาชีพพ่อค้า กล่าวต่อว่า กลุ่มลูกค้าที่ซื้อจะหลากหลาย มีทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่รับไปขายต่อ และแฟรนไชส์ลูกชิ้นปิ้ง ซึ่งในกลุ่มลูกชิ้นที่ราคาเดียวกัน เกรดเดียวกัน
ตนมั่นใจว่าลูกชิ้นของตนมีคุณภาพสู้ได้แน่นอน เคยเป็นหนี้สูงถึง 10 ล. ทศพลก็ว่าความจริงคือ ด้วยความที่เรามาจากศูนย์ แล้วตอนหลังๆ มีงานเยอะ หลายปีผ่านไป เริ่มจะมีเงินบ้าง เลยมองไปยังพี่น้อง ยังไม่มีอะไร เลยลงทุนให้หลายอย่าง ผมชอบทำธุรกิจ ทั้งๆ ที่ไม่เป็น อยากให้พี่น้องทำ อย่างเช่น ลงทุนเปิดร้านอาหารให้ ซื้อรถไถ วัวตัวละเป็นแสน ตัวละ 4-5 หมื่น ก็ซื้อมาเป็นร้อยๆ ทำวงดนตรีให้น้องชายดูแล วิ่งรถขายซีดี วิ่งรถขายกับข้าว วิ่งรถตู้ ออกรถไถ สิบล้อ รถแบ็กโฮ ให้น้องลงทุนเลี้ยงวัวดังๆ
ตอนนั้นหลายร้อยตัว ก็เจ๊งหมดหลายล. ทำวงดนตรีก็ไม่ดี หมดไปอีก 3-4 ล. เรียกว่าลงทุนสูญเงินไปเกือบ 10 ล. ตอนนี้ ก็ลงทุนให้ลูกชายคนโตทำลูกชิ้นขาย ทำโรงงานให้ เพราะเขาชอบค้าขาย เรียนจบมา แต่ไม่ชอบทำงานตามที่เรียนมา ตอนแรกขายสเต็ก แรกๆก็ดี แต่ 2-3 ปี แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมๆ แล้วน่าจะหมดเงินไปกว่า 10 ล. ทำให้เงินเก็บที่มีแทบจะหมด ขณะเดียวกันก็ยังมีหนี้สินอีกบ้าง ก็ตั้งหลักใหม่ ไม่ได้ว่าใคร