แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์
ถือว่าเป็นตำนานเลยก็ว่าได้กับนักร้องลูกทุ่งในตำนานอย่างแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ นักร้องลูกทุ่งชายที่มีน้ำเสียงไพเราะอีกคนหนึ่งของวงการเพลงลูกทุ่ง เส้นทางการขึ้นมาเป็นนักร้องของเขานั้นมันไม่ง่ายเลย
ซึ่งปัจจุบัน แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์นั้นได้เข้าโรงบาลจากอา ก ารป่ วย โดยมี นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หรือไทด์ นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางมาที่โรงบาลสมุทรสาครเพื่อมาเยี่ยมและให้กำลังใจ หลังทราบข่าว
แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์นั้นมีความแตกต่างจากนักร้องลูกทุ่งรุ่นเดียวกันและรุ่นก่อนหน้านั้นอยู่มาก เพราะเขามีผลงานเพลงโด่งดังขึ้นมาโดยที่ไม่เคยเป็นนักร้องอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งวงใด ๆ เลย โดย แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์โด่งดังมาจากผลงานเพลงแรกที่เขาบันทึกเสียงคือ แห่ขันหมาก
และหลังจากนั้นก็ผลิตผลงานเพลงที่ไพเราะกินใจออกมามากมายหลายเพลง แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์มีชื่อจริงว่า เฉลียว ไกอ่ำ เกิดวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 ฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจนทำให้เขาจบการศึกษาแค่ประถมศึกษาปีที่ 4
หลังจบการศึกษา เมื่อประมาณอายุ 15 ปี แสงสุรีย์ หิ้วกระเป๋าเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯและน้าสาวได้ฝากฝังให้เขาได้เข้าทำงานที่โรงแรมในตำแหน่งล้างจาน 3 ปีหลังจากนั้นก็ขยับขึ้นมาทำในตำแหน่งพ่อครัวอาหารฝรั่ง และเขาทำหน้าที่นี้อยู่นานถึง 10 ปี
ระหว่างนั้นเขาก็ตระเวณประกวดร้องเพลงตามเวทีเล็ก ๆ ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งก็ชนะบ้างแพ้บ้าง มาวันหนึ่ง แสงสุรีย์ ได้เข้าประกวดการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ขย ะสังคมและมีสายัณห์ สัญญา
เป็นผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ ซึ่งคราวนี้ แสงสุรีย์ ได้รับชัยชนะ และเพื่อนที่มาร่วมประกวดด้วยกัน ได้พาเขาไปพบ ครูสัมฤทธิ์ รุ่งโรจน์ครูเพลงตาบ อด เพื่อให้ปั้นแสงสุรีย์ เป็นนักร้องแล้วบอกว่าอยากจะเป็นนักร้องก็จะขายเพลงให้เพลงละ 600 บาท
และแสงสุรีย์ก็ตอบตกลงทันที จากนั้นครูสัมฤทธิ์ ก็กลับไปแต่งเพลง และได้พาลูกศิษย์คนใหม่ไปเข้าห้องอัด และ 2 เพลงแรกที่ทำให้ แสงสุรีย์ โด่งดังและเป็นที่รู้จักทั้งๆ ทั้งที่เขาเคยร้องเพลงเวทีตามงานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก
นั้นก็คือเพลงแห่ขันหมากและน่าอร่อยจากท่อนหนึ่งในเพลง แห่ขันหมาก ที่มีเนื้อร้องว่า ส่วนแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ไม่มีรถขี่ก็เสมือนว่าครูสัมฤทธิ์ ตั้งชื่อให้ว่าแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ก็เลยใช้ชื่อนั้นมาจนปัจจุบัน
หลังจากที่เพลงได้ถูกเผยแพ ร่ตามวิทยุต่างๆ จนทำให้แฟนคลับชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก จึงมีนายทุนมานำเสนอทำวงดนตรีให้เพื่อทำการเดินสายในฐานะหัวหน้าวงอีกด้วย จากนั้นครูสัมฤทธิ์จึงแต่งเพลงให้อีก 4 เพลง
เป็นเพลงใช้สำหรับแสดงหน้าเวที ซึ่งเพลงที่ตามมาที่หลังอีก 4 เพลงต่างก็ได้รับความนิยมจากบรรดาแฟนเพลงอย่างมากเช่นกัน จากนั้นจึงค่อยๆทะยอยผลิตผลงานเพลงต่างๆอีกมากมายแต่โดยหลักแล้วผลงานเพลงของแสงสุรีย์ยังคงเป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยครูสัมฤทธิ์
ในการแสดงเดินสาย วงแสงสุรีย์สามารถทำรายได้ ได้ถึงหลักล้านถือว่าเยอะมากในสมัยนั้น แม้จะเก็บค่าผ่านประตูคนละ 20 บาท ซึ่งแฟนเพลงต่างมารอกันตั้งแต่บ่าย 3 โมง ในขณะที่วงดนตรีแสดงในช่วงเย็น
จนถึงขั้นได้รับรางวัลโล่ห์พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยครั้งที่ 2 พ.ศ. 2524 ประเภท ขับร้องลูกทุ่งดีเด่น จากเพลง หิ้วกระเป๋ออกเดินสายระหว่างปี 2521 ถึง 2524 ก่อนจะปิดวงไป เมื่อความนิยมเริ่มลดน้อยถอยลง
แม้ความนิยมจะต กต่ำไปตามกาลเวลา แต่แสงสุรีย์ ที่อยู่ในวงการมานานหลายสิบปี ก็ยังคงตระเวณร้องเพลงตามที่ได้รับการว่าจ้างด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเพราะเหมือนเช่นสมัยเข้าวงการใหม่ ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลงานเพลงมากเท่าไหร่
แต่ก็ยังมีงานตามรายการ วาไรตี้ต่างๆ และปัจจุบันก็ยังคงรัก ษ า ตัวอยู่ต้องรอคอยติดตามอย่างใกล้ชิด เหล่าแฟนเพลงของคุณแสงสุรีย์ ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจกันอีกมากมาย
ขอบคุณ
เรียบเรียง siamtoday