ไทรโยคโฟลทเทล โดนรื้อถอนแล้ว
สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้ปิดประกาศส่งสารไปยังเจ้าของให้ทำการเคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพ ไทรโยคโฟลทเทล บริเวณแม่น้ำแควน้อย ให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากตัวรีสอร์ท ได้รุกล้ำเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้ปิดประกาศไปเมื่องวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวสันต์ สดใส เจ้าของรีสอร์ทไทรโยคโฟลทเทล ได้เปิดใจหลังจากมีคำสั่งให้รื้อถอนว่า ในเวลากว่า 13 วัน ตนได้ทำการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายรีสอร์ตแพหรู ออกจากพื้นที่ที่ได้รับคำสั่งไปจนเกือบหมดแล้ว นับตั้งแต่วันที่ปิดประกาศคำสั่งขับไล่ในวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเองก็ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบผลของการเคลื่อนย้านรีสอร์ทหรูดังกล่าว ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า เป็น รีสอร์ตแพหรูระดับ 5 ดาว ราคาประมาณ 20 ล้านบาท ประกอบด้วย ห้องพักหรู 29 ห้อง พร้อมทั้งมีห้องอาหาร - ห้องรับรอง อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ ที่ปลูกสร้างบุกรุกแม่น้ำแควน้อย เขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ท้องที่บ้านไทรโยคใหญ่ หมู่ที่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดย นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง ) ได้พูดถึงกรณีนี้ว่า การที่ นายวสันต์ เจ้าของรีสอร์ตแพนี้ทำการเคลื่อนย้ายรีสอร์ตแพในเวลาอันรวดเร็วนั้น ถือเป็นผลดีต่อตัวเจ้าของเอง ที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีและเสียค่าปรับ
เพราะถ้าดื้อดึงไม่ยินยอมรื้อถอนตามประกาศคำสั่งแล้ว อาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาฐานฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง ขับไล่ รื้อถอน ตามมาตรา 35 (1) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ตามข้อกฎหมายยังระบุอีกว่า หากผู้ที่ได้รับคำสั่งไม่ทำตามจะมีการปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท อีกทั้งยังรวมไปถึงต้องเสียค่าขนย้ายรีสอร์ตแพหรูให้กับทางราชการเป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท อีกด้วย
นายนิพนธ์ อธิบายต่อไปว่า ภายหลังจากที่เจ้าของรีสอร์ตแพหรูดังกล่าวได้เคลื่อนย้ายรีสอร์ตแพออกไปแล้ว ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะดูแลรักษาป้องกัน มิให้บุคคลใดนำรีสอร์ตแพหรือสิ่งอื่นใด มาจอดขวางแม่น้ำแควน้อย ในเขตอุทยานฯ บริเวณดังกล่าวอีก เพื่อเป็นการรักษาแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกไทรโยคใหญ่ในแม่น้ำแควน้อย ให้มีบรรยากาศสุนทรียภาพตามธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แท้จริงกันทุกคน
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ ยังระบุถึงตำเตือนไปยังนายทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของโรงแรม เจ้าของรีสอร์ต หรือเจ้าของบ้านพักตากอากาศทั้งหลาย ที่ปลูกสร้างบุกรุกที่ดินหรือแม่น้ำ ในเขตอุทยานฯ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นคดีแม้อัยการจังหวัดจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ทำให้คดีอาญายุติไปตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 147 ก็ตาม
แต่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ สั ต ว์ ป่า หัวหน้าเขตห้ามล่า สั ต ว์ป่า ยังมีอำนาจใช้กฎหมายทางปกครอง ออกประกาศคำสั่งขับไล่ รื้อถอน ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตวป่า พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ได้อีก
ที่สำคัญการ ขั บ ไ ล่ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์ สั ตว์ ป่ า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ที่เป็นเขตสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่มีอายุความ ไม่อยู่ภายใต้การบังคับคดีภายใน 10 ปี สามารถขับไล่ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินหรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้นจากเขตสาธารณสมบัติของแผ่นดินได้ตลอดเวลาเป็นพันปี เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 18918/2555
เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamtoday