จิตดี เคลียร์ชัด หลังหายหน้าไปไหนจาก ทุบโต๊ะข่าว
เป็นอีกหนึ่งคนที่หลายคนคุ้นหน้า คุ้นชื่อกันดี สำหรับนักข่าวสาว จิตดี ศรีดี คู่ขวัญของ พุทธ อภิวรรณ ในรายการข่าวแห่งช่องมงกุฎ อมรินทร์ ทีวี ซึ่งเป็นภาพคุ้นตาที่จะได้เห็นทั้งคู่ในรายการ ทุบโต๊ะข่าว แต่ช่วงหลังมานี้เปิดจอแล้วไม่เจอผู้ประกาศข่าวสาว หลายคนจึงเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จิตดีหายไปไหน มีปัญหากับ พุทธ หรือไม่ เพราะหากใครได้ดูรายการทุบโต๊ะข่าง ที่ทั้งคู่อ่านข่าวคู่กัน จะรู้เลยว่า จิตดีแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดในรายการเลย
ล่าสุด จิตดี ได้เปิดใจผ่านรายการต้มยำอมรินทร์ว่า ตอนนี้เจี๊ยบไม่ได้หายไปไหนนะคะ รายการทุบโต๊ะข่าวยังมี แต่เพราะว่าเรามีข่าวเย็นมาผสมรวมกับทุบโต๊ะข่าว เลยมีปรับเปลี่ยนผังแล้วก็ปรับเวลา จากที่รายการมาหลังข่าวพระราชสำนักใช่ไหมคะ เราก็ขยายเวลาให้ยาวขึ้น ทุบโต๊ะข่าวเริ่มมา เวลา 18.50 น. เสริมทัพ พี่โจ๊กและน้องฝ้าย ช่วงแรกประมาณทุ่มนึงก็จะมี เจี๊ยบ มีพี่พุทธ พี่โจ๊ก
ส่วนช่วงทุบโต๊ะข่าวช่วงที่สอง จะเป็นน้องฝ้าย คนจะชินเจอเรากับพี่พุทธตอนสองทุ่มครึ่ง ตอนนี้แค่เราย้ายทีมมาอยู่ช่วงแรก เหมือนว่าบางคนยังไม่รู้เวลา หาไม่เจอ ไม่ได้เปิดมาตอนหนึ่งทุ่มเลยไม่ได้เจอเรา ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย
อีกอย่างเพราะไม่ค่อยสบายด้วย เพราะทำงานหนักมากมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำงาน 7 วันเต็มๆ ตั้งแต่บ่ายสามโมง จนถึงตีสามทุกวัน แต่ตอนนี้ปรับเวลาใหม่แล้วค่ะ ทำงานอยู่ในออฟฟิศ 12 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่พอเราปรับเวลาใหม่ พี่พุทธเขาให้เรามีวันหยุด 1 วัน
ทำงานคู่กับคุณพุทธที่เก่า 2 ปี มาที่นี่ตั้งแต่เปิดอมรินทร์ทีวี 5 ปี ย่าง 6 ปี ถ้าย้อนกลับตอนนั่งอ่านคู่กันแรกๆ อึดอัดมาก ต้องทำตัวยังไง เพราะว่าการทำงานเป็นทีม ต้องเรียนรู้กันพอสมควร กว่าจะมาเป็นคู่หูกันได้ แรกๆ เราก็อึดอัดนิดนึง จากที่เราอ่านข่าวจะมีแบ่งข่าว แบ่งวรรค แบ่งเรื่อง แบ่งประเด็นกันพูด พอเรามานั่งคู่กับคุณพุทธ เขาจะเป็นนักเล่าข่าว ความรู้ที่อยู่ในหัวเขาพรั่งพรูออกมา เราไม่มีจังหวะแทรก ด้วยความที่เขารู้มาก รู้เยอะ แล้วก็พูดเยอะ
ด้วยเป็นสัญชาตญาณด้วยค่ะ เราให้เกียรติเขา ในเมื่อเขาอยากพูดก็ให้เขาพูดไป เราเสริมตรงไหนได้ เราก็เสริม ปรากฎว่าเขากลายเป็นตัวหลัก เราก็เป็นตัวเสริม ต้องย้อนกลับช่วงแรก ก็จะมีคุยกัน แบบตรงนี้จะให้เจี๊ยบนะ พอมาวันหนึ่งด้วยความรน ด้วยความรีบ ข่าวมันเตรียมไม่ทันสุดท้ายพี่เขาก็ต้องรวบสรุปให้เอง มันเลยกลายเป็นธรรมชาติของเรา
บางทีมันอาจจะยังไม่ทันเขา ยังช้าอะไรอย่างนี้ เขาก็คงเรียนรู้เราเหมือนกัน ก็ช่วยกันให้รายการมันไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหารายการ ทำยังไงให้คนดูรู้ข่าวสาร ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วมันตอบโจทย์ให้คนรู้ในสถานการณ์นั้นๆ นี่คือสิ่งที่เจี๊ยบมอง มันเลยกลายเป็นว่าเราทำงานมาเป็นแบบนี้ ถามว่าแบ่งไหม ไม่ได้มีการแบ่งที่ชัดเจน เราต้องหาจังหวะเอาเอง
บางครั้งก็มีอารมณ์รู้สึกโกรธ แต่โกรธเราก็เกิดการเรียนรู้ บางมุกเล่นแรง หูจะร้อนผ่าวๆ มันคือปฏิกิริย า โกรธอยู่ในใจ พอหลังจบรายการก็อภัยกัน กลายเป็นการเรียนรู้ไปอีกว่า เขาเป็นคนแบบนี้ แซวแบบนี้ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอะไร จบก็คือจบ
แต่มีวันหนึ่งเราเดินไปลาออกเองเลย เพราะเมื่อก่อนเคยจัดข่าวดึก อันนั้นเราเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่พอมาอยู่อมรินทร์ทีวี เรากลายมาเป็นลูกน้อง มาอยู่ในทีม เราจะเห็นบทบาทของคุณพุทธเป็นอีกแบบ เคี่ยวหนัก จริงจัง มุ่งมั่น งานทุกอย่างต้องเป๊ะๆ อันไหนไม่ใช่ ต้องไปเปลี่ยน ซึ่งเราต้องปรับเปลี่ยนให้ทันความคิดของเขา ทำให้เราเกิดความกดด้นมาก เครียดมาก ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้วก็เครียด เราคิดตอนนั้นคงทำไม่ได้แล้วมั้ง ไม่เหมาะกับเราแล้ว อึดอัด โดนกดดันทุกอย่าง สารพัดทั้งต่อว่า ทั้งดุ เราเลยคิดว่าไปดีกว่า
พี่เขามีหลายบทบาทมาก อย่างหน้าจอก็คือผู้ดำเนินรายการ เราจะเห็นเขาเล่าข่าว แต่เบื้องหลังเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของรายการทุบโต๊ะข่าว เขาจะคุมหมดเลย ภาพนี้ ประเด็นนี้ สคริปต์นี้ ตัดต่อแบบนี้ ทุกอย่าง เราก็ต้องคอยจับประเด็นให้ทันเขา หาจังหวะแทรก คอยเสริมตรงไหนที่เสริมได้
ก็ห่วงสุขภาพพี่เขา มันเป็นความรู้สึกลึกๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน อยากให้พี่เขาดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ มากกว่าที่จะห่วงงาน บางทีงานมันไปของมันได้ พี่เขาทำงานหนักมาก เราดูจากตัวของเราเอง เพราะตัวมันฟ้อง บางทีเขาไม่สบาย แต่เขาก็ยังมาทำงาน แล้วเขาแสดงว่าเขาสบายดี เป็นสิ่งที่เราห่วงเขามาก อยากให้พี่รักษาสุขภาพ จะได้อยู่กับน้องไปนานๆ ด่าน้อยๆ อะไรอย่างนี้ รักพี่มากนะ
ทั้งนี้ จิตดีก็ได้ออกมาบอกแล้วว่า ไม่ได้หายหน้าไปไหน แค่ปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานใหม่ ซึ่งไม่ค่อยสบายด้วย และไม่ได้มีปัญหากับ พุทธ แน่นอน ยังรักและเคารพเหมือนเดิม
ขอบคุณ ต้มยำอมรินทร์
เรียบเรียง siamtoday