หม่ำ จ๊กมก

หม่ำ จ๊กมก

หม่ำ จ๊กมก ตลกซุปตาร์ เปิดเรื่องราวชีวิตในช่องยูทูบ M Busarakum เล่าเรื่องราวให้เอ็ม บุษราคัม ลูกสาว ฟังว่า เคยคิดน้อยใจพ่อแม่ไม่รัก จนออกจากบ้านคิดว่าจะไปตายดาบหน้า ที่บ้านเขาขายไก่สด เราก็ไม่ทำ เขาเลยมองขี้เกียจสันหลังยาว แต่จริงๆเราอัจฉริยะ เพชรก็คือเพชร

มีเงินติดตัว60-70 จากยโสธรเข้ามากรุงเทพณ นั่งรถโบกรถมาลงสายใต้นอนสายใต้2-3คืน ไปสมัครเป็นคอนวอยวงลูกทุ่ง เขาเห็นพูดเก่งเลยให้เล่นตลกในวง ยังขำตัวเองเล่นตลกครั้งแรกเลยเป็นจันทโครพ คนเต็มวัด อายขาสั่น ไม่กล้าพูด บอกผมไม่พร้อม ผมขอเข้าไปก่อนได้ไหม คนก็ขำนึกว่าเป็นมุข ร้องลิเกร้องไม่ค่อยออกคนขำนึกว่ามุข จนครั้งที่สองเริ่มกล้าเล่น

จุดพลิกผันมาอยู่คณะเทพ โพธิ์งาม มีเปี๊ยก ปากน้ำโพธิ เสียไปแล้วพามา ความที่กล้าไม่กลัวเทพ โพธิ์งาม เล่นเลย ใส่แล้วโดนเลย เล่นทุกอย่าง เขาตบหัว ตบคืน เขาชอบเลย กับพี่น้อย โพธิ์งาม ก็เล่นถึงเนื้อถึงตัว จะปล้ำเลย จะเอาพี่น้อยท่าเดียว พี่เทพคอยห้าม มันลงล็อกพอดี กลายเป็นตลกดาวรุ่งยุคนั่นคนเดียวเลย

3-4 วันแรกได้ค่าตัววันละ 3-4 พันทุกวัน เยอะมาก 2-3 เดือน พ่อกับแม่มานั่งนับเงินในเก๊ะมีอยู่ 2-3 แสน ไม่เคยมีขนาดนั้น กลับมาตี4ตี5ก็นอนตื่นก็ไปทำงาน แม่ก็แอบเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น พ่อกับแม่นับเงินมือสั่นเงินเกือบ 3 แสนยุคนั้นแม่บอกพ่อถ้าเรามีเงิน 3 หมื่น กลับบ้านไปซื้อสามล้อถีบอยู่บ้าน เปิดร้านขายของชำดีกว่า แค่เงิน2-3หมื่นก็ไม่เคยเจอ รู้สึกชีวิตเราต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว

อยู่กับพี่เทพ 9 ปี ออกมาตั้งคณะเองทะเลาะกันไหม หม่ำ ยืนยันไม่ได้ทะเลาะ ช่วงนั้นถ่ายหนังบ้านผีปอบบ่อยมากลางานจนเกรงใจเค้า ถ่ายหนังเยอะมาก ผีปอบวิ่งจนเป็นไส้เลื่อน สังฆังถลอก ใครดูหนังผีปอบภาคไหนเจอหม่ำวิ่งอย่างเดียว วิ่งวันละ 3 หมื่น สมัยนั้น วิ่งขึ้นต้นไม้ วิ่งลงน้ำ วิ่งขึ้นศาลา วิ่งบนหลังคา ฮามาก ได้นอน2ชม. นอนในรถไปถ่ายหนัง แล้วก็วิ่ง อยากพูดอะไรพูดไปไม่มีบท เค้าไปพากย์เอ อยู่กับพี่เทพ 3 ปี ชิงร้อย ก็มา อายุ 24-25 มั้งตอนนั้น ทีวีแล้วก็หนัง เซียนเรื่องหนังชอบดูหนังมาก เสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ สหมงคลฟิล์ม) ให้โอกาส เรื่องแรกบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ทะลุ มาแหยมก็ทะลุอีก ชัยชนะอาจจะไม่ได้มาจากการต่อสู้ แต่มาจากความมุมานะ เอาใจใส่ หมั่นฝึกฝน

ลิสต์ชื่อผู้มีพระคุณในชีวิตหม่ำ เจ้าตัวบอกว่า คนแรกน่าจะเปี๊ยก ปากน้ำโพธิ์ ไปตามตี5 บ้านก็ไม่รู้จักไปตะโกนเรียกไอ้หม่ำ อยู่หลังไหน ชาวบ้านตื่นมาด่าไม่สนใจ เขาเป็นคนเสียงดัง เดินเรียกทั้งซอย แล้วพาไปอยู่กับพี่เทพทำให้พลิกเปลี่ยน

คนต่อมาพี่เทพ ลืมไม่ลง ไม่มีครั้งไหนไม่พูดถึง เป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น เขาเข้าใจพ่อ พ่อก็เข้าใจเขา ล่าสุดมาโจ๊กตัดโจ๊กเขาก็มีความสุข พ่อก็มีความสุข เล่นกันอยู่2คน บ้ากันอยู่2คน เขามั่นใจตอนอยู่กับเรา เราก็เหมือนกัน

คนต่อมาพี่ตา ปัญญา ห้ความเคารพเหมือนญาติ ไม่เหมือนพนักงาน เหมือนครอบครัว อยู่กันจนถึงตอนนี้ ใครมาชวนเราก็ไม่ไป เขาก็ไม่ได้ห้าม เขาปล่อยๆ เซ็นก็เหมือนไม่ได้เซ็น ไม่เคยทำอะไรให้เสียถึงบริษัท ขอทำโจ๊กตัดโจ๊ก เขาก็ให้ทำ อยากทำซูเปอร์หม่ำก็ทำ ไม่ค่อยได้มายุ่งเขาไว้ใจ

คนต่อมาเสียเจียง ให้โอกาสไว้ใจให้ทำหนัง เหมือนมีคาถาที่ปาก พูดอะไรผู้ใหญ่เชื่อว่าทำได้ เป็นอีกคนที่เคารพ

เปรียบพี่เทพคือเสาเอก พี่ตาคือกำแพงไม่ให้ลมมาตี เสี่ยเจียงคือหลังคาไม่ให้ฝนตกลงมาเปียก พี่เปี๊ยกดูแลความมั่นคง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ คิดถึงเขามาก น้ำตาไหล ไม่เคยทอดทิ้งพี่เปี๊ยกตั้งแต่ป่วยจนวินาทีสุดท้ายเสียชีวิต เป็นครอบครัว เขาดีกับพ่อมาก

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamtoday

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ