พิรุธ ปมมือถือ 2 ซิม
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ตำรวจจึงได้ขอศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ใน 3 ข้อหา ในคดีของน้องชมพู่ ต่อมาวันที่ 2 มิ.ย. ลุงพล พร้อมป้าแต๋น ภรรยาลุงพล และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้เดินทางพบตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวมาลงบันทึกที่สน.ปทุมวัน จากนั้นขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปที่จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุรับตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ลุงพลให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา
สำหรับความคืบหน้า รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ ชุดสืบสวนพบพิรุธจากคำให้การของลุงพล ตั้งแต่หลังเกิดเหตุใหม่ๆ หลายประเด็น โดยประเด็นหนึ่งคือ มีการสอบปากคำลุงพลว่า เหตุใดพยานหลายราย จึงตั้งข้อสังเกตว่าลุงพลเอ่ยถึงการหายตัวไปของน้องชมพู่ก่อนคนอื่น ทำไมจึงรู้ก่อนใคร
ซึ่งคำให้การต่อพนักงานสอบสวนท้องที่นั้น ลุงพลอ้างว่า รู้ข่าวน้องชมพู่หายไปโดยภรรยาโทรศัพท์มาบอก แต่หลังจากนั้นชุดสืบสวนสอบสวนได้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของลุงพล ทำให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ลุงพลได้ขายโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปก่อนหน้านั้น แล้วลุงพลนำซิมโทรศัพท์ของตนเองไปใส่ในเครื่องของป้าแต๋น ซึ่งเป็นโทรศัพท์แบบ 2 ซิม ดังนั้นลุงพลต้องใช้มือถือร่วมกันกับป้าแต๋น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ป้าแต๋นจะโทรฯ หาลุงพล เพื่อบอกข่าวน้องชมพู่หายตัว
ต่อมาทีมสืบสวนสอบสวนลุงพลเรื่องโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ก่อนยอมรับว่าได้ขายไปแล้ว ตอนนี้ใช้ร่วมกับภรรยา แต่เมื่อถามถึงคำให้การที่อ้างว่าภรรยาโทรฯ มาหาเรื่องน้องชมพู่ ปรากฏว่าลุงพลได้อ้างว่า จำไม่ได้แล้วว่าให้การอะไรไป ประเด็นนี้จึงเป็นอีกพิรุธข้อสำคัญ
เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamtoday