ส่องความรวยของพระเอกหนุ่ม อีจงซอก Lee Jong Suk
อีจงซอกเริ่มต้นงานในวงการบันเทิงด้วยการเดินแบบตั้งแต่อายุ 15 ปี เขาเคยร่วมเดินใน Seoul Fashion Week และเป็นนายแบบที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ร่วมงานกับงานแฟชั่นใหญ่ของประเทศในเวลานั้น จากนั้นเขาเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นไอดอล แต่สุดท้ายก็ได้เดบิวต์มาสายงานแสดง อีจงซอกโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน เขามีชื่อเสียงเป็นดาราระดับ A-List ของวงการ
หนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จของอีจงซอก คือเรื่อง Doctor, Stranger ที่เขารับบทเป็นหมอหนุ่มอัจฉริยะ เรื่องนี้มีเรตติ้งถึง 2 หลักเมื่อปี 2014 ในเกาหลีใต้ และยังได้รับความนิยมในประเทศจีนเป็นอย่างมาก จากรายงานของ Korea Times
จากนั้นในปีเดียวกัน อีจงซอกได้มีผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ เรื่อง Pinocchio และมีรายงานว่าจีนได้ซื้อลิขสิทธิ์ของซีรีส์เรื่องนี้ในราคา 8.7 ล้านบาท/ตอน (เรื่องนี้มีทั้งหมด 20 ตอน) ยิ่งซีรีส์ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ นักแสดงก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีผลต่อค่าตัวในโปรเจคต่อไปของพวกเขาอีกด้วย
อีจงซอกยังคงประสบความสำเร็จในผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่อง โดยในปีถัดมา เขามีผลงานเรื่อง W: Two Worlds และ While You Were Sleeping ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้เขาขึ้นแท่นหนึ่งในนักแสดงเกาหลีที่มีค่าตัวสูงที่สุด โดยมีรายงานว่าค่าตัวของเขาต่อการแสดงซีรีส์ 1 ตอนอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท
รายได้ของอีจงซอกอีกส่วนหนึ่งมาจากการเดินสายแฟนมีทติ้งที่เขาได้ไปพบปะแฟนคลับในต่างประเทศ อย่างเช่นในฟิลิปปินส์ ค่าบัตรเข้าร่วมงานมีทติ้งของเขาอยู่ที่ประมาณ 6,400 บาท (บัตรราคาแพงที่สุด) และสถานที่จัดงานจุคนได้ประมาณ 16,000 คน ซึ่งมีแฟนคลับไปร่วมงานอย่างเนืองแน่น คิดว่าเขาจะได้รายได้จากงานมีทติ้งแต่ละครั้งเท่าไหร่
นอกจากนี้เขายังจัดงานมีทติ้งในอีกหลายประเทศ งานมีทติ้งของเขาที่ประเทศจีนเมื่อปี 2015 บัตรราคาแพงที่สุดที่ราคาประมาณ 8,000 บาท ขายหมดภายในระยะเวลา 30 วินาที
นอกจากรายได้จากงานแสดงแล้ว อีจงซอกยังนำเงินของเขาไปลงทุนในด้านอื่น อย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายงานว่าเขาได้ซื้อวิลล่าใน Nine One Hannam ราคาประมาณ 130 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว วิลล่าแห่งนี้ถือเป็นที่พักหรูที่มีคนดังอื่นๆรวมถึงคนสำคัญในแวดวงอื่นอาศัยอยู่ จี-ดราก้อน วง BIGBANG ก็เป็นเจ้าของที่นี่เช่นกัน
เขายังเป็นเจ้าของตึกอีก 3 แห่งในย่านฮันนัมดง ที่มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 425 ล้านบาท นอกจากนี้เขายังซื้อตึกเก่าในย่านซินซาดงเมื่อปี 2016 ที่มีมูลค่าประมาณ 140 ล้านบาท ถึงแม้จะมีคนคัดค้านเพราะทำเลตึกดังกล่าวไม่ดี แต่เขาก็ตัดสินใจซื้อ และทำเป็นร้านคาเฟ่ชื่อว่า 89 Mansion ร้านนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลายคนไม่ใช่แค่แฟนคลับต่างมาใช้บริการที่นี่และถือเป็นร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาย่านนี้ อีจงซอกเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ELLE ว่า เขายกให้ 89 Mansion เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดของเขาประจำปี 2017 “เป็นการตัดสินใจของผมเองครับที่อยากเปิดคาเฟ่ ผมอยากเปิดคาเฟ่ของตัวเองมาโดยตลอด เวลาที่ผมไม่มีงานอื่น ตื่นนอนแล้วผมก็จะตรงไปที่คาเฟ่เลย ผมแทบจะไม่สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากงานแสดง เพราะฉะนั้นในคาเฟ่ของผมมันเหมือนโลกใบใหม่เลยครับ”
น่าเสียดายที่ร้าน 89 Mansion ต้องปิดตัวลงเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์การ cv แต่เขาได้กำไรมาจากการขายตึกดังกล่าวถึง 72 ล้านบาท
อีจงซอกได้เปิดบริษัทบันเทิงของตัวเอง ชื่อว่า A-Man Project ซึ่งก่อนหน้านี้เขานั่งตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร แต่ได้ลาออกไปตอนที่ต้องเข้าประจำการรับใช้ชาติ
อีจงซอกมีงานอดิเรกราคาแพง นั่นก็คือ สะสมรถยนต์ เมื่อปี 2015 เขามีข่าวลือว่าออกเดทกับ พัคชินฮเย นักแสดงที่ร่วมงานกันในเรื่อง Pinocchio โดย Dispatch ได้รายงานข่าวว่า อีจงซอกจะขับรถไปรับพัคชินฮเย โดยรถที่เขาใช้บางครั้งก็เป็นยี่ห้อ Mercedes Benz หรือไม่ก็ Porsche ซึ่งราคาแต่ละคันไม่น้อยเลยทีเดียว แค่รถ Porsche ราคาก็ตกอยู่ที่ประมาณคันละ 4.1 – 5.7 ล้านบาท ส่วนอีกข่าวได้พูดถึงรถของเขาในภาพล่าสุดบนอินสตาแกรม
เมื่อมีรายได้มากแล้ว อีจงซอกก็ไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม เมื่อปี 2016 เขาได้ร่วมงานกับแบรนด์เสื้อผ้า Jain Song และออกแคมเปญ "PLEASE STOP" เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในเด็ก รายได้จากแคมเปญนี้ถูกนำไปมอบให้แก่องค์กรการกุศล Save The Children และเขายังใส่เสื้อจากแบรนด์นี้ ที่เขียนว่า My will is good ในฉากหนึ่งของซีรีส์เรื่อง W: Two Worlds อีกด้วย
เขายังเคยมอบตุ๊กตาเป็ด 123456789 จากแฟนคลับให้กับเด็กในปี 2018 โดยเขาถามแฟนคลับก่อนนำไปมอบให้เด็กๆว่า จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเอาของเล่นพวกนี้และความใจดีของพวกคุณไปมอบให้กับเด็กๆที่ต้องการมันมากกว่าผม? ผมหวังว่าคุณจะสนับสนุนการตัดสินใจของผมนะครับ
เมื่อปี 2018 เขาได้บริจาคเงินให้องค์กรเอกชน Good Neighbors จำนวนประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเด็กจากครอบครัวยากจน ก่อนหน้านั้น เขาเคยบริจาคเงินจำนวนประมาณ 5.1 ล้านบาทในกับ UNICEF เพื่อช่วยเหลือเด็กยากจนทั่วโลก
เรียบเรียง ทีมงาน siamtoday