เงื่อนไขรับเงิน 5000 ต่อคน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อัพเดทข้อมูลโครงการ เที่ยวไทยวัยเก๋า ล่าสุด คาดว่าจะมีมาตรการ แจกเงินเที่ยว 5,000 บาทต่อคน ในลักษณะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนต่างของการท่องเที่ยว โดยจะสนับสนุนให้ผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์นำเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศ คาดว่าจะให้สิทธิจำนวน 1 ล้านคน ภายใต้กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท
ไม่กี่วันที่ผ่านมา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ททท.ได้จัดทำรายละเอียด โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะ ขยายการใช้สิทธิ เพิ่มเติม จากเดิมที่จะครบกำหนดการใช้สิทธิถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 รวมถึงโครงการ เที่ยวไทยวัยเก๋า ที่มีการอัพเดทความคืบหน้าล่าสุด ดังนี้
1. แจกเงินเที่ยว (ช่วยค่าใช้จ่ายส่วนต่าง) 5,000 บาทต่อคน
ททท. เตรียมเสนอรายละเอียดโครงการ "เที่ยวไทยวัยเก๋า" เพิ่มเติม โดยล่าสุด 22 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ททท.อัพเดทข้อมูลว่า รัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนต่าง 5,000 บาทต่อคน จำนวน 1 ล้านคน ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวนำมาจากงบประมาณของโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ยังเหลืออยู่ คาดว่าจะนำเข้าเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ในช่วงสัปดาห์นี้
เบรกโครงการ 'เที่ยวไทยวัยเก๋า' สั่ง ททท.ทำรายละเอียดให้ชัดเจน
2. ผู้ที่จะได้สิทธิ 5,000 บาท มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
สำหรับเงื่อนไขหลักๆ ที่รัฐจะนำมาพิจารณาเลือกผู้ที่มีสิทธิในโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ได้แก่
ต้องมีสัญชาติไทย
ต้องเป็นผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
ต้องออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์นำเที่ยว
3. โครงการนี้ยังไม่นำเข้า ครม. ต้องเสนอสภาพัฒน์ก่อน
ในส่วนของโครงการ "เที่ยวไทยวัยเก๋า" ขณะนี้ยังไม่มีการนำมาตรการนี้เข้าเสนอที่ประชุม ครม. เพราะยังต้องผ่านความเห็นชอบของสภาพัฒน์ก่อน อีกทั้งในส่วนของข้อเสนอเอกชน ที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเรื่องการลดต้นทุนต่างๆ ในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ก็มีความคืบหน้าแล้วเช่นกัน ดังนี้
การลดค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ : ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แล้ว คาดว่าน่าจะมีการออกมาตรการมาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายคงที่ในเร็วๆ นี้
การช่วยจ่ายค่าจ้างแรงงานคนละครึ่ง (โค-เพย์) ไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน : ตอนนี้ข้อเสนอทั้งหมดได้ส่งไปยังกระทรวงการคลังแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนออกมามากขึ้นในเร็วๆ นี้เช่นกัน
4. เสนอขอ วัคซีนcv ฉีดให้ผู้ประกอบการและแรงงานท่องเที่ยว
ด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า หลังจากไทยมีวัคซีนแล้ว สถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวไทยน่าจะมีทิศทางดีขึ้น โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอขอวัคซีนcv จำนวน 5 หมื่นโดส เพื่อฉีดให้ผู้ประกอบการและแรงงานท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เป็นจำนวน 5 หมื่นคน
โดยวางแผนจะเริ่มฉีดวัคซีนในจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี (ในพื้นที่สมุย พังงา เกาะเต่า) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักในสัดส่วนที่สูง
5. ขออนุมัติ Area Quarantine ในโรงแรมของแหล่งท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มีข้อเสนอต่อที่ประชุม ศบค. เกี่ยวกับการขออนุมัติการจัดทำแอเรียควอรันทีน (Area Quarantine) หรือโรงแรมที่เข้าเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ ในรูปแบบที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถออกนอกห้องพักได้ แต่ไม่สามารถออกนอกโรงแรมได้ เป็นจำนวน 14 วัน โดยเบื้องต้นคาดว่าผลจะออกมาตามที่เสนอไม่ยากนัก