ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งรัดขับเคลื่อนการปราบปรามอย่างจริงจังโดยบูรณาการกำลังทุกฝ่ายพร้อมกับหน่วยงานในทุกกองบัญชาการ ทำการสืบสวนติดตามจับกุม ขบวนการลักลอบปลอมแปลง ป้ายทะเบียนรถ ป้ายภาษีรถยนต์ มีผลการปฏิบัติดังนี้

จับกุมขบวนการลักลอบปลอมแปลงป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. รรท.ผบก.สปพ. มีนโยบายเน้นหนักในการปราบปรามขบวนการลักลอบ ปลอมแปลงป้ายทะเบียนรถยนต์นั้น เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและ ปฏิบัติการพิเศษ ได้จับกุมตัวนางสาวรมิดา อายุ 34 ปี จับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านหลังหนึ่ง ถ.กรอกยายชา ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง โดยสามารถตรวจยึดของกลางดังนี้

1. รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฌค 2987 กทม. เลขเครื่อง MR053BK4007025931

2. ป้ายทะเบียนรถยนต์ฌค 2987 กทม.

3. ป้ายภาษีรถยนต์

พฤติการณ์การจับกุม กล่าวหาคือ น.ส.ประพิณ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีเทา หมายเลข ทะเบียน ฌค-2987 กทม.หมายเลขตัวถัง MR053BK4007023943 ได้แจ้งว่าได้รับใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร กก.3 บก.ทล. แจ้งให้เสียค่าปรับในข้อหา ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่จำกัดไว้ตามป้าย ซึ่งในวันเวลาดังกล่าวตนไม่ได้เดินทางไป ทล.36 กม.26(ขาออก) ต.มะขาม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง แต่อย่างใด ตนจึงได้เข้าลง ปจว. สภ.เมืองสมุทรปราการ ไว้

จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ติดตามสืบสวนจับกุมบุคคลที่ใช้รถคันดังกล่าว จนพบรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฌค-2987 กทม. ขับมาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ถ.กรอกยายชา ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าตรวจสอบพบว่าเป็น น.ส.รมิดา อายุ 34 ปี เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว จึงได้ทำการ ขอตรวจสอบรถยนต์ดังกล่าวพบว่ามีหมายเลขตัวถัง MR053BK4007025931 ซึ่งเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีเทา หมายเลขทะเบียน กธ 3091 ระยอง ผู้ครอบครองคือ น.ส.มณีทิพย์ ถมรรคชัย

จากการสอบถาม น.ส.รมิดา ให้การว่ารถคันดังกล่าวที่ตนขับนั้นเป็นของ นายบิ๊ก ซึ่งเป็นเพื่อนของตนนำมาฝากไว้ประมาณ 2 เดือนแล้ว และปัจจุบันไม่สามารถติดต่อได้ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ หกเดือนถึงห้าปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท