แบงค์พันปลอมตระเวนหลอกซื้อของร้านขายของชำ

แบงค์พันปลอมตระเวนหลอกซื้อของร้านขายของชำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านขายของชำยายแดง เลขที่55/4 ซอยโพธิวราราม เขตเทศบาลนครอุดรธานี นางทองแดง อารีญาติ อายุ 65 ปี เจ้าของร้านนำธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 1 ใบ ซึ่งเป็นธนบัตรปลอม ที่ถูกคนร้ายแฝงตัวเป็นลูกค้ามาหลอกซื้อของในร้าน ซึ่งได้ทั้งของและเงินทอนไป

นางทองแดง เล่าว่า ตนเปิดขายของชำตลอดทั้งคืน ช่วงเช้าวันนี้ตนก็นั่งอยู่หน้าร้านกับลูกน้องผู้หญิง 1 คน จากนั้นคนร้ายก็ทำทีมาซื้อบุหรี่ และนำธนบัตร 1,000 บาท จ่ายให้ตน ซึ่งตนก็รับธนบัตรมาและทอนเงินไปจำนวน 940 บาท จากนั้นนึกสงสัยจึงบอกลูกน้องว่าธนบัตรใบนี้มันแปลกๆ จึงได้ส่องดูและนำไปจุ่มในแก้วน้ำ ปรากฏว่ามีคาบหมึกสีแดงออกมา ตนจึงบอกลูกน้องให้รีบขี่รถจักรยานยนต์ตามคนร้ายแต่ไป ซึ่งคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ห่างจากร้านไปประมาณ 20 เมตรหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นตนจึงบอกหลานชายให้มาดูกล้องวงจรปิด และแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งกล้องวงจรปิดของทางร้านบันทึกภาพคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอม ผิวคล้ำ สูงประมาณ 160-165 ซม. อายุระหว่าง 30-40 ปี ผมหยักศก สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สวมหมวกปีกสีดำ สวมแมสก์ลายไว้ใต้คาง เดินมาจากทางด้านข้างร้าน ในช่วงเวลา 09.15 น. ของวันที่ 28 ธ.ค.63 มายืนซื้อบุหรี่ 1 ซอง แล้วก็ยื่นธนบัตรให้ จากนั้นเจ้าของร้านจึงนับเงินทอนให้ เมื่อคนร้ายได้เงินทอนแล้วก็เดินข้ามฝั่งไป เจ้าของร้านและลูกน้องจึงส่องธนบัตรและได้นำไปจุ่มในแก้วน้ำ เพราะเห็นว่าธนบัตรผิดสังเกต ปรากฏว่าเป็นธนบัตรปลอม โดยก่อนหน้านี้ร้านขายของชำข้างๆ ก็ถูกคนร้ายรายเดียวกันพยายามจะใช้ธนบัตรปลอมซื้อบุหรี่เช่นกัน แต่เจ้าของร้านไหวตัวทันเพราะหลังจากดูและจับธนบัตรที่คนร้ายนำมาใช้นั้นไม่เหมือนของจริงจึงบอกคนร้ายไปว่ายังไม่มีเงินทอน และ ฃให้คนร้ายไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม เพราะถ้าคนร้ายนำธนบัตรปลอมไปใช้ก็จะถูกกล้องวงจรปิดในร้านบันทึกภาพไว้ได้เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาจับกุม แต่ก็ไม่คิดว่าจะนำมาใช้กับร้านคุณยายข้างร้านของตน

ร.ต.อ.เปรม เตรียมตัว รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เผยว่า เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายตั้งใจนำธนบัตรปลอมมาใช้ โดยการนำไปตระเวนหาซื้อของ และเห็นว่าร้านค้ามีแต่ผู้สูงอายุ และมีคนเข้าไปซื้อของตลอด ซึ่งไม่มีเวลาสังเกตว่าธนบัตรจริงหรือปลอม ก่อนอาศัยจังหวะเข้าก่อเหตุ แต่ทางร้านก็มีภาพวงจรปิดของคนร้ายไว้บางส่วนแล้ว โดยจะได้ประสานชุดสืบสวนออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ