เจ้าของร้านโจ๊กสงสัย อยู่ดีๆขายของขาดทุน
วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นายสุภชัย ปราโมทย์เกษมสุข อายุ 39 ปี เจ้าของร้านโจ๊กจะรวมใจ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สันติ ศรีสงคราม รอง.สวป.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ว่า มีลูกจ้างในร้านแอบหยิบเงินที่ขายของได้ใส่ไว้ในลิ้นชักภายในร้านหายไป จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายโจ๊กและข้าวต้ม ตั้งอยู่บริเวณสามแยกพระสมุทรเจดีย์ พบ นายสุภชัย พร้อมพนักงานในร้านยืนคุมตัว นายเปี๊ยก ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง อายุประมาณ 60 ถึง 65 ปี และพิการเป็นใบ้พูดไม่ได้ ตรวจค้นภายในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่สวมใส่อยู่ พบเงินรวม 5500 บาท และสมุดบัญชีเงินฝาก
นายสุภชัย กล่าวว่า ตนเปิดร้านขายโจ๊กรอบดึกมานานกว่า 10 ปี โดยขายเวลา 18.00 ถึง 04.00 น. ทุกวัน เมื่อช่วงกลางปี 56 ได้รับนายเปี๊ยก เข้ามาทำงาน เพราะสงสารเห็นไม่มีงานทำชอบเดินเตร่ขอข้าวตนกิน โดยให้เงินเดือน ๆ ละ 1500 บาท ให้คอยทำความสะอาดร้านเล็ก ๆ น้อย ๆ หั่นหมู หั่นผัก ปั่นจักรยานไปซื้อผักที่ตลาดใกล้ร้าน
ต่อมาตนเห็นว่า นายเปี๊ยก ขยันขันแข็งจึงเพิ่มเงินส่วนต่างจากเงินเดือนให้อีกวันละ 200 บาท พร้อมดูแลสารทุกข์สุขดิบมาโดยตลอดอย่างไม่ขาดสาย
กระทั่งช่วง 3 ปีหลัง ร้านขายของขาดทุนมาโดยตลอด ทั้งที่ซื้อสินค้ามาจำหน่ายราคาเท่าเดิม ทะเลาะกับแฟนจนเกือบเลิกกัน กระทั่งเมื่อคืนช่วง 02.30 น. เป็นช่วงที่ไม่มีลูกค้าในร้าน และพนักงานทั้งหมดกำลังช่วยกันล้างชามอยู่หลังร้าน ตนได้ยินเสียงลิ้นชักที่ใส่เงินกระแทกกับขอบโต๊ะเสียงดัง จึงเดินออกมาดูแต่ไม่เจอคน ทว่าพบ นายเปี๊ยก กำลังนำขยะที่อยู่ในร้านเทใส่ถังขยะ จึงสงสัยลองเดินมาตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดดู
นายสุภชัย กล่าวต่อว่า ตนเห็นนายเปี๊ยก เปิดลิ้นชักหยิบเงินไปจำนวนหนึ่ง ที่น่าช็อกกว่าคือตนลองย้อนวงจรปิดกลับไปดูอีก 1 เดือน ก็พบ นายเปี๊ยก หยิบเงินในลิ้นชักไปทุกวัน เป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 400000 บาท
ด้าน นายเปี๊ยก รับสารภาพว่า ได้หยิบเงินในลิ้นชักไปตลอดทุกวันตลอด 3 ปี ด้านนายสุภชัย กลับใจดีไม่เอาความดำเนินคดี แถมให้เงินนายเปี๊ยกอีก 200 เป็นค่าเดินทาง พร้อมให้หยุดทำงานและไม่ต้องมาที่ร้านนี้อีกตลอดชีวิต